บทความจากพระอาจารย์ อาสภกนฺโต ภิกขุ พรรษา 30

01:00 purivaro 0 Comments



บทความจากพระอาจารย์ อาสภกนฺโต ภิกขุ พรรษา 30

"ทำไมอาตมาจึงบวชอุทิศชีวิต ? 


    ขอออกตัวก่อนว่าอาตมาไม่ใช่นักเขียน ไม่ใช่นักพูด และไม่เคยคิดว่า
จะต้องออกผลงานอะไร แต่เมื่อได้อ่านบทความของอดีตพระรูปหนึ่งของ
วัดพระธรรมกายที่ออกไป แล้วกลับมาแว้งกัดครูบาอาจารย์ ทำให้รู้สึกว่า
ถึงเวลาที่สังคมจะต้องรับรู้ในข้อแท้จริง ที่ไม่ใช่เรื่องที่ถูกกุขึ้นจากคนที่
เนรคุณครูบาอาจารย์

   เดิมอาตมาเองไม่ใช่คนที่มีศรัทธาอะไรมากมายในพระพุทธศาสนา หรือ
จะบอกว่าเป็นชาวพุทธแค่ในทะเบียนก็ได้ จนกระทั่งเรียนจบปริญญาตรี
คณะนิติศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง ตั้งแต่วันแรกของการเข้าวัดจน
กระทั่งบรรพชาอุปสมบทในปี พ.ศ. ๒๕๓๐ จนถึงปัจจุบันรวมเวลาแล้ว
อยู่ในเพศบรรพชิตย่างเข้าพรรษาที่ ๓๐ เมื่อมีใครถามว่าทำไมอาตมาจึง
กล้าปฏิญาณตนบวชตลอดชีวิต ทั้งที่เป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัว
หากอยู่ทางโลกก็มีช่องทางในการที่จะเจริญก้าวหน้าได้ อาตมาตอบได้เต็มปาก
เต็มคำว่า เพราะมีหลวงพ่อพระเทพญาณมหามุนี หรือที่เราเรียกกันในหมู่
ลูก ๆ ว่าหลวงพ่อธัมมะเป็นต้นแบบ

 หากจะให้กล่าวถึงพระคุณของหลวงพ่อที่มีต่อลูก ๆ อาตมาคงกล่าว
ได้ไม่หมด สำหรับคนที่เป็นพ่อคนแม่คน ลองนึกดูว่า ตนเองมีลูกแค่ไม่กี่คน
ยังเลี้ยงให้ดีได้ยาก แต่หลวงพ่อธัมมะ ให้การอบรม เลี้ยงดูลูกศิษย์ ทั้งพระ
เณร อุบาสก อุบาสิกา พนักงาน รวมแล้วกว่าหมื่นชีวิต ให้มีความสุข ให้ทั้ง
การศึกษา จนมีพระเณร อุบาสิกาที่จบ ป.ธ. ๙ มากมาย มีพระและเจ้าหน้าที่
ที่จบปริญญาเอกจากต่างประเทศอีกหลายท่าน ซึ่งปัจจุบันเป็นกำลังสำคัญ
ให้กับการขยายงานพระพุทธศาสนาไปหลายประเทศทั่วโลก

 บุคคลเหล่านี้ไม่ใช่คนโง่ หรือศรัทธาแบบงมงาย หากหลวงพ่อไม่ดี
จริง คนเป็นหมื่นจะอยู่กับท่านหรือ? ลองนึกดูว่า คนเพียงหนึ่งคนที่ออกไป
กับคนอีกเป็นหมื่นที่อยู่กับหลวงพ่อ โดยที่ไม่มีผลประโยชน์อะไรเลย มีแต่
ความรัก ความเคารพ ความศรัทธาต่อท่าน อันไหนจะมีน้ำหนักมากกว่ากัน

 ในขณะที่หลวงพ่อไม่เคยเลยแม้แต่ครั้งเดียวที่จะพูดถึง “เขา” ในแง่
ไม่ดี แต่เขากลับใส่ร้ายป้ายสีหลวงพ่อไม่หยุดไม่หย่อน โดยไม่มีความละอาย
แม้แต่น้อย มาดูกันว่า อาตมาเห็นอะไรบ้างที่ต่างจากเขา

 ๑. หลวงพ่อเป็นผู้สมถะ ท่านเป็นต้นแบบในการดำรงชีวิตแบบพระ
อย่างแท้จริง กุฏิของหลวงพ่อหลังเล็ก ๆ มีเพียงห้องน้ำเล็ก ๆ ถังและขัน
อย่างละใบ มีเตียงหนึ่งเตียง กับโต๊ะเขียนหนังสือ ในห้องจะโล่ง ไม่มีอะไร
รกรุงรัง เพราะหลวงพ่อชอบความเป็นระเบียบเรียบร้อย

 ๒. หลวงพ่อเป็นผู้รักการปฏิบัติธรรม ทุกครั้งที่พวกเราไปนั่งธรรมะ
กับท่าน ท่านจะเป็นบุคคลแรกที่ไปถึงห้องปฏิบัติธรรม มีครั้งหนึ่งที่อาตมา
และหมู่คณะได้มีโอกาสไปปฏิบัติธรรมที่ต่างจังหวัดกับท่าน อาตมาอุตส่าห์
ว่าจะไปให้ถึงก่อนใครในช่วงเช้า ปรากฏว่า เมื่อเข้าไปในห้องปฏิบัติธรรม
ในขณะนั้นเป็นเวลา ๐๔.๐๐ น. ก็พบหลวงพ่อท่านนั่งหลับตาอยู่ก่อนแล้ว
เลยไม่ทราบว่าท่านมาตั้งแต่เมื่อไร และตลอดเวลาที่อยู่กับท่าน ท่านจะพูด
อยู่ไม่กี่เรื่อง คือ เรื่องการปฏิบัติธรรม เรื่องหลวงปู่วัดปากน้ำ และเรื่องคุณยาย
อาจารย์

 ๓. หลวงพ่อมีความเป็นอัจฉริยะในด้านการปั้น แต่ท่านจะปั้นรูปของ
พระพุทธรูป และหลวงปู่ หลายครั้งที่ท่านจะเรียกลูก ๆ พระให้ไปช่วยกันปั้น
ท่านจะบอกเสมอว่า ใครปั้นเป็นแบบได้สวย หลวงพ่อจะเอาเป็นองค์ต้นแบบ

 ๔. หลวงพ่อมีความเป็นอัจฉริยะในด้านอักษรศาสตร์ จากเดิมที่ท่านก็
ไม่เคยเขียนโคลง กลอน แต่เมื่อมีผู้รู้มาแนะนำเพียง วันสองวัน หลวงพ่อเขียน
โคลง กลอน ออกมาสอนลูกได้เป็นเล่ม และคำสอนนั้น ล้วนแล้วแต่สอนให้
ลูกพระลูกเณร อยู่ในเส้นทางของการสร้างบารมี

 ๕. หลวงพ่อเป็นผู้นำที่ใจกว้าง ไม่ใช่อย่างที่อดีตพระคนนั้นกล่าวหา
หลวงพ่อท่านให้มีคณะกรรมการบริหารวัด ซึ่งอาตมาก็เป็นหนึ่งในผู้บริหาร
จึงกล้ากล่าวได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า หลวงพ่อไม่เคยเข้ามาก้าวก่ายการทำงาน
ของคณะกรรมการบริหารเลย มีแต่คณะกรรมการบริหารด้วยซ้ำที่มักจะเข้า
ไปขอคำแนะนำจากท่าน

 ๖. หลวงพ่อเป็นต้นแบบของความเคารพ ทุกครั้งที่หลวงพ่ออบรม
ลูก ๆ ท่านจะพูดยกตัวอย่าง พระสัมมาสัมพุทธเจ้า หลวงปู่วัดปากน้ำ คุณยาย
ตลอดเวลา ยังจำได้ว่า ท่านเคยถามว่า พวกเราอ่านปฐมสมโพธิกถา(ซึ่งเป็น
ประวัติของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยละเอียด) จบกันกี่รอบ อาตมาตอบท่าน
ด้วยความภาคภูมิใจว่า อ่านจบสามรอบ หลวงพ่อท่านชมว่า ดีจัง แต่ภายหลัง
มีโอกาสสอบถามท่าน ท่านบอกว่า หลวงพ่ออ่านจบไม่ต่ำกว่า ๒๑ รอบ ท่านให้เหตุผลว่า
 เมื่อไรก็ตามที่อ่านประวัติของพระพุทธเจ้าจะทำให้ท่านเกิดกำลังใจในการสร้างบารมี

 ๗. หลวงพ่อเป็นต้นแบบในเรื่องความอดทน ลองนึกดูเถิดว่า หากเป็น
เราแค่เจ็บป่วยนิดหน่อย ก็ต้องการพักแล้ว แต่นี่หลวงพ่อมีโรคประจำตัว
หลายอย่าง ทั้งขาก็เจ็บ แต่ด้วยความเมตตา ยังมาลงสอนธรรมะให้กับลูก ๆ
ทุกวัน และตั้งแต่สร้างวัดมาจนถึงปัจจุบัน หลวงพ่อไม่เคยอยู่นิ่งเฉย ทำทุกสิ่ง
กับลูก ๆ
และหลายครั้งที่ท่านมาร่วมลอกคลองกับลูกพระลูกเณรโดยไม่ได้
คิดว่าฉันเป็นเจ้าอาวาสฉันจะทำสิ่งเหล่านี้ไม่ได้
ฯลฯ

 อาตมาคิดว่าสิ่งที่ยกตัวอย่างมานี้เป็นเพียงแค่เสี้ยวหนึ่ง ในคุณธรรม
ของหลวงพ่อที่ขอยกมาให้ดู ส่วนว่าเมื่ออ่านแล้วจะเชื่อหรือไม่ก็อยู่ที่มุมมอง
และวิจารณญาณของผู้อ่านว่าจะเชื่อใครระหว่างผู้ที่อ้างตนว่าเป็นศิษย์คนสำคัญ
แต่ไม่เคยอยู่จำพรรษาที่วัด ไม่เคยเป็นคณะกรรมการบริหาร ไม่เคยได้รับการ
ยอมรับจากใคร แม้เมื่อออกจากวัด ไปอยู่ที่ไหนก็อยู่กับเขาได้ไม่นาน ถูกขับ
ออกจากวัดทุกแห่ง จนในที่สุดต้องลาสิกขาไป

 ที่วัดพระธรรมกาย หลวงพ่อไม่เคยมีศิษย์คนสำคัญ เพราะท่านรักลูก
ทุกรูปทุกคนเท่ากัน เพราะฉะนั้นจึงไม่ใช่เพียงแค่อาตมาเท่านั้นแต่ทุกรูปทุกคน ทุ่มเทชีวิตจิตใจให้กับการเผยแผ่งานพระพุทธศาสนาแบบเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ก็เพราะยึดถือหลวงพ่อเป็นต้นแบบนั่นเอง"

อาสภกันโต ภิกขุ

สิ่งดีๆที่วัดพระธรรมกายให้ฉัน

20:01 purivaro 0 Comments





สิ่งดีๆที่วัดพระธรรมกายให้ฉัน

คือ

การทำให้ฉัน

ได้รู้ว่า

ความสุข

จากการเป็น

ผู้ให้

นั้น

มีมากเพียงใด..

มาวัดพระธรรมกายครั้งแรกได้อย่างไร??

10:47 purivaro 0 Comments



วันนี้มีคนถามมาว่า "ท่านมาวัดพระธรรมกายครั้งแรกได้อย่างไร??"

ขอตอบว่า .. เรื่องมันยาวน่ะ  

ไว้ค่อยมาเล่าให้ฟังนะ ^^









A flood of goodness..

21:18 purivaro 0 Comments


A flood of goodness..

เราต้องช่วยกันทำให้สังคมรู้จักและคุ้นเคยกับคำพูดดีๆ สุภาพๆ และเป็นเรื่องจริง

คนดีๆในโซเชียลมีเยอะ แต่ไม่อยากแสดงตัว

เพราะคนที่โพสต์ส่วนใหญ่เป็นพวกเกรียน

คนดีเลยไม่อยากยุ่ง

เราต้องระดมสร้างกระแสคำพูดดีๆ มีเหตุมีผล เข้าไปในsocial เยอะๆ

ต่อไปคนดีๆก็จะกล้าพูดบ้าง แม้เค้าจะไม่ใช่พวกเรา

นี่คือทางชนะ..

ต้องสร้างคลื่นแห่งคำพูดดีๆ

ให้ท่วมโลกโซเชียลไปเลย

เหมือนตอนพระพุทธเจ้าจะตรัสรู้ไง

เห็นด้วยไหม?

..ภูริวโร

ตุ๊กแกที่น่ารัก???

21:25 purivaro 0 Comments


วันนี้ฟังพี่โน้ส อุดม พูดเรื่องตุ๊กแก..

ตุ๊กแกเป็นสัตว์ที่อาภัพ มีแต่คนเกลียด

ทั้งๆที่มันไม่เคยทำร้ายใครเลย

หนังสือพิมพ์ก็ไม่เคยลงว่าตุ๊กแกไปกระโดดกัดใคร

มีแต่โดนทำร้ายอยู่ฝ่ายเดียว

เกาะอยู่ข้างกำแพงเฉยๆ ก็โดนไล่โดนตี

คงเป็นเพราะเราถูกปลูกฝังกันมาตั้งแต่เด็กๆ

ให้เกลียด ให้กลัว สัตว์ที่มีรูปร่างหน้าตาแบบนี้

ก็คงเหมือนกับคนเราหลายๆคน

ที่ถูกปลูกฝังให้มองสิ่งต่างๆแต่เพียงรูปลักษณ์ภายนอก

หรือตัดสินกัน เพียงแค่ฟังคำบอกเล่าตามๆกันมา

ทั้งๆที่ไม่เคยรู้จักพบเจอกันเลยด้วยซ้ำ

แต่ก็ไม่ชอบกันเสียแล้ว..

สุดท้ายพี่โน้สก็เลยรณรงค์

"เรามารักตุ๊กแกกันเถอะ" :)

..ภูริวโร